หลังจากที่ผ่านช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 ไปแล้ว ทาง Omdia ก็ได้รวบรวมสถิติยอดขาย โทรศัพท์ มือถือที่ทำยอดขายได้สูงที่สุดทั่วโลก ซึ่งพบว่า iPhone 11 นั้นเป็นมือถือที่ขายได้มากที่สุดในช่วงครึ่งปีแรก 2020 ที่ยอดขาย 37.7 ล้านเครื่อง นำอันดับอย่าง Samsung Galaxy A51 ที่ขายได้ 11.4 ล้านเครื่องอย่างขาดลอยเลยทีเดียว โดยมือถือ 10 อันดับที่ขายดีที่สุดในโลก มีดังนี้
1. iPhone 11
ภาพจาก apple.com
มือถือรุ่นที่อัปเกรดจาก iPhone XR โดยยังใช้ดีไซน์หน้าจอมีรอยบากเหมือน iPhone X/XS และใช้วัสดุรีไซเคิลแบบ 100% รวมถึงสีสันที่สดใสกว่าเดิม ซึ่งจุดที่เป็นไฮไลต์ของ iPhone 11 อยู่ที่กล้องหลังคู่ โดยกล้องทั้ง 2 ตัว มีความละเอียดเท่ากันที่ 12 ล้านพิกเซล แบ่งเป็นกล้อง Wide และกล้อง Ultra-wide พร้อมปรับปรุงระบบประมวลผลรูปภาพหลายอย่าง ด้านสเปกอื่น ๆ ของ iPhone 11 ยังใช้หน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว Liquid Retina HD เคลมว่าเป็นหน้าจอ LCD ที่ดีที่สุดเหมือนเดิม และแสดงผลสีแบบ True Tone ใช้ซีพียู Apple A13 Bionic ทั้งจีพียูและซีพียูเร็วและแรงที่สุดในตลาดสมาร์ตโฟนตอนนี้ พร้อมปรับปรุง Face ID ปลดล็อกได้เร็วกว่าเดิม
- iPhone 11 ความจุ 64GB ราคา 24,900 บาท
- iPhone 11 ความจุ 128GB ราคา 26,900 บาท
- iPhone 11 ความจุ 256GB ราคา 30,900 บาท
ภาพจาก samsungmobilepress.com
มือถือดีไซน์หลังเพชรพร้อม 4 กล้อง หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ใช้ซีพียู Exynos 9611 แรม 4GB/6GB/8GB
ความจุ 64GB/128GB กล้องหลัง 4 เลนส์ 48MP f/2.0 + Ultra-wide 12MP f/2.2, มุมกว้าง 123 องศา + Depth Sensor 5MP f/2.2 + Macro 5MP f/2.4 กล้องหน้า 32MP f/2.2 แบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 15W
ราคา 10,490 บาท
ภาพจาก mi.com
มือถือหน้าจอขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ LCD คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 90%, ได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland ช่วยเรื่องถนอมสายตา, ใช้ซีพียู Snapdragon 665 11nm, แรมสูงสุด 6GB, หน่วยความจำ 64GB/128GB, กล้องหลังอัปเกรดเป็น 4 ตัว แบ่งเป็น 48 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี 4-in-1 pixel เพื่อการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี, 8 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 120 องศา, 2 ล้านพิกเซล (Depth sensor) และ 2 ล้านพิกเซล (2cm macro), กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล
- รุ่น 4GB/64GB ราคา 4,999 บาท
- รุ่น 4GB/128GB ราคา 5,999 บาท
ภาพจาก mi.com
มือถือระดับกลางที่โดดเด่นทั้งการเล่นเกมและถ่ายภาพด้วยกล้องหลังความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล เป็นรุ่นแรกของวงการ มาพร้อมหน้าจอ 6.53 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ LCD ขอบด้านบนแคบ 2.05 มม. ขอบซ้ายและขวาแคบ 1.8 มม. และขอบด้านล่าง 4.2 มม. คิดเป็นพื้นที่ใช้งาน 91.4% รวมถึงได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland เรื่องการถนอมสายตา นอกจากนี้ยังเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่ใช้ซีพียู MediaTek Helio G90T ออกแบบมาเพื่อสายเกมมิ่งโดยเฉพาะ พร้อมระบบระบายความร้อน Liquid Cooling ที่สามารถลดอุณหภูมิได้ 4 ถึง 6 องศาเซลเซียส
ราคา 7,999 บาท
ภาพจาก apple.com
iPhone SE รุ่นที่ 2 ซึ่งเป็น iPhone ราคาถูกรุ่นใหม่ที่มาพร้อมจอภาพ Retina HD ขนาด 4.7 นิ้ว และ Touch ID บนปุ่มโฮม มีดีไซน์คล้ายกับ iPhone 8 แต่อัปเกรดสเปกให้แรงขึ้นด้วยชิป A13 Bionic ตัวเดียวกับใน iPhone 11 Pro ตัวเครื่องมีให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ สีดำ สีขาว และสีแดง (PRODUCT)RED ด้านสเปกอื่น ๆ ก็ประกอบไปด้วยความจุที่มีให้เลือก 64GB/128GB/256GB ส่วนกล้องหลังมีเลนส์เดียว 12MP และกล้องหน้า 7MP ส่วนปุ่มโฮมยังคงมี Touch ID สำหรับสแกนลายนิ้วมือเหมือนเดิม รวมทั้งยังคงใช้พอร์ต Lightning และไม่มีช่องหูฟัง
- ราคาเริ่มต้น 14,900 บาท
6. iPhone XR
ภาพจาก apple.com
iPhone รุ่นราคาถูกสุดของปี 2018 มาพร้อมหน้าจอ 6.1 นิ้ว หน้าจอแบบ LCD (326ppi) แอปเปิลเรียกหน้าจอนี้ว่า Liquid Retina HD เคลมว่าเป็นหน้าจอ LCD ที่ดีที่สุด ใช้ซีพียู A12 Bionic ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร พร้อม Neural Engine รุ่นที่ 2, กล้องหลังตัวเดียว 12 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพบุคคล (Portrait) โดยใช้กล้องเลนส์เดี่ยว, ตัวเครื่องใช้วัสดุกรอบอะลูมิเนียม ด้านหลังเป็นกระจก มีให้เลือกถึง 6 สี, มี Face ID, กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 และแบตเตอรี่ที่เคลมว่าใช้งานได้นานกว่า iPhone 8 Plus ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง
- iPhone XR ความจุ 64GB ราคา 21,900 บาท
- iPhone XR ความจุ 128GB ราคา 23,900 บาท
ภาพจาก apple.com
มือถืออีกหนึ่งรุ่นที่เปิดตัวมาคู่กับ iPhone 11 Pro ที่มีขนาดหน้าจอ OLED 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2,688 x 1,242 พิกเซล ซึ่งใหญ่กว่า iPhone 11 Pro ส่วนคุณสมบัติสเปก ซีพียู และกล้องนั้น จะเหมือนกับ iPhone 11 Pro ทุกประการ
- iPhone 11 Pro Max ความจุ 64GB ราคา 39,900 บาท
- iPhone 11 Pro Max ความจุ 256GB ราคา 45,900 บาท
- iPhone 11 Pro Max ความจุ 512GB ราคา 52,900 บาท
ภาพจาก mi.com
มือถือราคาประหยัด สานต่อจากรุ่น Redmi 7A เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับคนที่มีงบประมาณในการซื้อที่จำกัด โดยรุ่นนี้ได้อัปเกรดหลาย ๆ ส่วนให้ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น 6.22 นิ้ว พร้อมติ่งหยดน้ำ แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 18 วัตต์ (ในกล่องแถมชาร์จเร็ว 10 วัตต์) ผ่านพอร์ต USB Type-C, ใช้ซีพียู Octa-Core Snapdragon 439, แรมสูงสุด 3GB, หน่วยความจำ 32GB, รัน Android Pie ครอบทับด้วย MIUI 10, กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล, ไม่มีสแกนลายนิ้วมือ แต่มีปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock)
ราคา 2,999 บาท
ภาพจาก mi.com
มือถือรุ่นเล็ก สเปกไม่ธรรมดา สานต่อจาก Redmi 7 อีกรุ่น ด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ 6.22 นิ้ว ความละเอียด HD+ (Dot Notch display) เสริมความแกร่งด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5, ซีพียู Snapdragon 439 12nm, แรมสูงสุด 4GB, หน่วยความจำ 32GB/64GB, กล้องหลังคู่ 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX363 เหมือนกับรุ่น Redmi 8A, รองรับ AI scene detection กว่า 33 ฉาก + 2 ล้านพิกเซล Depth sensor สำหรับถ่าย Portrait ส่วนกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล รองรับ AI selfies และ Portrait mode รวมถึง AI face unlock
ราคา 3,999 บาท
10. iPhone 11 Pro
ภาพจาก apple.com
มือถือสเปกระดับเรือธงด้วยสโลแกน "กล้องก็โปร จอภาพก็โปร ประสิทธิภาพก็โปร" เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่อัปเกรด และปรับปรุงมาจาก iPhone XS นั่นเอง โดยรุ่นนี้เน้นไปที่การอัปเกรดสเปกใหม่ ซีพียู A13 Bionic + Neural Engine 3 คุณภาพของกล้องถ่ายภาพ กล้องหลัง 3 เลนส์ ระดับโปร มีความละเอียดเท่ากัน 12 ล้านพิกเซล ทำให้เก็บภาพได้กว้างขึ้นสูงสุด 4 เท่า และถ่ายภาพได้สวยงามแม้ในที่ที่มีแสงน้อยลงมาก ๆ ทั้งยังถ่ายวิดีโอที่มีคุณภาพสูงสุด และยังปรับแต่งด้วยเครื่องมือชุดเดียวกับใช้ปรับแต่งรูปถ่ายได้ด้วย และเพิ่มประสิทธิภาพให้ทำงานได้ดีกว่าเดิมตามสไตล์แอปเปิล โดยมีขนาดหน้าจอ OLED อยู่ที่ 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2,436 x 1,125 พิกเซล
- iPhone 11 Pro ความจุ 64GB ราคา 35,900 บาท
- iPhone 11 Pro ความจุ 256GB ราคา 41,900 บาท
- iPhone 11 Pro ความจุ 512GB ราคา 48,900 บาท
หมายเหตุ: ราคามือถืออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับร้านที่วางจำหน่าย อย่าลืมสอบถามราคาล่าสุดก่อนซื้อทุกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก phonearena.com